ในยุคที่การค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การส่งสินค้าจากไทยไปยังต่างประเทศกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป การเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 บริษัทขนส่งต่างประเทศยอดนิยมในประเทศไทย พร้อมรายละเอียดบริการ ราคาเริ่มต้น และจุดเด่นของแต่ละบริษัท
10 บริษัทส่งของต่างประเทศยอดนิยมในประเทศไทย
1. DHL Express
DHL เป็นบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง ให้บริการขนส่งด่วนแบบ Door-to-Door ครอบคลุมกว่า 220 ประเทศทั่วโลก

ราคาเริ่มต้น
- ประมาณ 1,200 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม
จุดเด่น
- บริการรวดเร็ว ส่งถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการมีระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์
- บริการเคลียร์สินค้าผ่านด่านศุลกากร
2. FedEx
FedEx เป็นบริษัทขนส่งระดับโลก ให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารระหว่างประเทศด้วยความรวดเร็วและเชื่อถือได้

ราคาเริ่มต้น
- ประมาณ 1,100 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม
จุดเด่น
- บริการจัดส่งด่วนภายใน 1-3 วันทำการ
- มีบริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน
- ระบบติดตามพัสดุออนไลน์
3. UPS
UPS เป็นอีกหนึ่งบริษัทขนส่งชั้นนำระดับโลก ให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารระหว่างประเทศด้วยมาตรฐานสูง

ราคาเริ่มต้น
- ประมาณ 1,150 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม
จุดเด่น
- บริการจัดส่งด่วนภายใน 2-5 วันทำการ
- มีบริการรับพัสดุถึงที่
- ระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์
4. CJ Logistics
CJ Logistics เป็นบริษัทขนส่งสัญชาติเกาหลี ให้บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศในราคาประหยัด เน้นบริการ D

จุดเด่น
- ราคาประหยัด
- บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน
- มีบริการเก็บเงินปลายทาง
5. FBA Easy
FBA Easy เป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ เน้นการส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon (FBA)

ราคาเริ่มต้น
- ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า
จุดเด่น:
- เชี่ยวชาญในการส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon
- มีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการส่งออก
- บริการครบวงจรตั้งแต่รับสินค้า แพ็คสินค้า และจัดส่ง
6. ShipAny
ShipAny เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศในราคาถูก มีบริการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางเรือ ทางอากาศ และทางบก

ราคาเริ่มต้น
- ขึ้นอยู่กับประเภทการขนส่งและปลายทาง
จุดเด่น
- มีบริการขนส่งหลากหลายรูปแบบ
- ระบบติดตามสินค้าที่ทันสมัย
- เครือข่ายการขนส่งครอบคลุมทั่วโลก
7. Sabuy Express
Sabuy Express ให้บริการส่งของไปต่างประเทศในราคาประหยัด ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ เช่น DHL, FedEx, UPS

ราคาเริ่มต้น
- ประมาณ 800 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม
จุดเด่น
- บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน
- มีบริการแพ็คสินค้า
8. Bullet International Logistics
Bullet International Logistics (Thailand) Co., Ltd. เป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ และบริการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก ทั้งทางอากาศและทางทะเล

ราคาเริ่มต้น
- ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า
จุดเด่น
- บริการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศและทางทะเล
- เครือข่ายการขนส่งครอบคลุมทั่วโลก
- บริการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก
9. SME SHIPPING
SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม และลูกค้ารายย่อยทั่วไปผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ

ราคาเริ่มต้น
- ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า
จุดเด่น:
- บริการ Door-to-Door
- มีบริการแพ็คกิ้ง (Packing)
- ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศ
10. FastShip
FastShip เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับโลจิสติกส์ชั้นนำ เช่น FedEx, Aramex, UPS โดยมีจุดเด่นคือราคาถูกกว่าส่งเอง และมีบริการเข้ารับพัสดุถึงบ้าน

ราคาเริ่มต้น
- ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า
จุดเด่น:
- ค่าขนส่งที่ถูกกว่าส่งเอง
- บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน
- มีหลากหลายบริการให้เลือก
วิธีเลือกบริษัทส่งของไปต่างประเทศที่เหมาะกับคุณ
การเลือกบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การส่งสินค้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและคุ้มค่า นี่คือปัจจัยที่ควรพิจารณา:
- ความน่าเชื่อถือ: เลือกบริษัทที่มีประสบการณ์และชื่อเสียงที่ดี เพื่อมั่นใจว่าสินค้าจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัย
- ราคา: เปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัท เพื่อหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด แต่ควรระวังราคาที่ถูกเกินไป อาจมีบริการที่ไม่ครบถ้วน
- บริการเสริม: ตรวจสอบว่าบริษัทมีบริการเสริมที่ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ เช่น บริการแพ็คกิ้ง, ประกันภัย, หรือบริการเคลียร์สินค้าผ่านด่านศุลกากร
- ระยะเวลาจัดส่ง: หากสินค้าของคุณต้องการความรวดเร็ว ควรเลือกบริษัทที่มีบริการจัดส่งด่วนและสามารถระบุระยะเวลาจัดส่งที่แน่นอนได้
- การติดตามพัสดุ: เลือกบริษัทที่มีระบบติดตามพัสดุออนไลน์ เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าตลอดเวลา
สิ่งที่ควรรู้ก่อนส่งของต่างประเทศ
1. ศึกษากฎระเบียบของประเทศปลายทาง
แต่ละประเทศมีกฎที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า เช่น
- ของบางประเภทห้ามส่งเข้า เช่น อาหารสด, สารเคมี, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ต้องมีเอกสารประกอบ เช่น ใบอนุญาตนำเข้า, เอกสารแสดงแหล่งผลิต
2. เตรียมเอกสารให้พร้อม
- ใบแสดงรายการสินค้า (Commercial Invoice)
- ใบตราส่งพัสดุ (Air Waybill / Shipping Label)
- สำเนาบัตรประชาชน / หนังสือเดินทาง (บางกรณี)
- ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (ถ้ามี)
3. เลือกบริษัทขนส่งที่เชื่อถือได้
บริษัทขนส่งที่ให้บริการระหว่างประเทศ เช่น DHL, FedEx, UPS, EMS หรือผู้ให้บริการแบบ Aggregator อย่าง FastShip, SME Shipping ฯลฯ ควรเลือกที่:
- มีระบบติดตามพัสดุ
- มีบริการเคลียร์ภาษีและศุลกากร
- มีบริการประกันสินค้าในกรณีเสียหาย/สูญหาย
4. รู้จักระบบภาษีและศุลกากร
- สินค้าบางอย่างอาจถูกเก็บภาษีนำเข้าที่ปลายทาง
- ลูกค้าปลายทางอาจต้องเป็นผู้ชำระภาษี หรือเลือกบริการ DDP (Delivered Duty Paid) เพื่อผู้ส่งเป็นคนรับภาระภาษีทั้งหมด
5. บรรจุภัณฑ์ต้องแข็งแรงและมาตรฐาน
เพื่อให้สินค้ารอดพ้นจากการกระแทกระหว่างทาง:
- ใช้กล่องสองชั้นหรือวัสดุกันกระแทก (เช่น บับเบิ้ล, โฟม)
- ปิดผนึกด้วยเทปเหนียวแน่น
- แปะป้าย “แตกง่าย” หรือ “ระวังของเสียหาย” (Fragile) หากจำเป็น
6. คำนวณค่าส่งให้คุ้ม
- บริษัทขนส่งจะคิดราคาจาก น้ำหนักจริง หรือ น้ำหนักปริมาตร แล้วเลือกค่าที่สูงกว่า
- อย่าลืมเปรียบเทียบหลายเจ้า และเช็กโปรโมชั่นบ่อยๆ
7. ทำประกันพัสดุ
- ถ้าสินค้ามีมูลค่าสูง ควรซื้อประกันเพิ่มเติม เพื่อความอุ่นใจหากของเสียหายหรือหายระหว่างทาง
8. รู้ระยะเวลาในการจัดส่ง
- ส่งแบบด่วน (Express) จะใช้เวลา 1-5 วัน
- ส่งแบบธรรมดา (Economy / Standard) อาจใช้เวลา 7-14 วันหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง
9. ตรวจสอบวันหยุดประเทศปลายทาง
- วันหยุดราชการหรือวันหยุดพิเศษของประเทศปลายทาง อาจส่งผลต่อระยะเวลาการจัดส่ง
10. แจ้งลูกค้าให้ชัดเจน
หากคุณเป็นร้านค้าออนไลน์ ควรแจ้ง:
- ค่าขนส่ง
- ระยะเวลาจัดส่งโดยประมาณ
- ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาษีนำเข้า หรือความล่าช้าจากศุลกากร
การเลือกบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การส่งสินค้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และคุ้มค่า ควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ราคา บริการเสริม ระยะเวลาจัดส่ง และระบบติดตามพัสดุ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าของคุณจะถึงปลายทางตามที่ต้องการ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ