ในยุคดิจิตอลที่ผู้คนนิยมหันมา ซื้อของออนไลน์ กันมากขึ้น เพราะสะดวก ไม่เปลืองแรง ประหยัดเวลาและง่ายกว่า การขายของบนเว็บไซต์ออนไลน์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสู่ความมั่งคั่งของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
ทำให้หลายคนอยากที่จะเข้ามาขายของออนไลน์บ้าง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร วันนี้เราจึงขอแชร์ขั้นตอนและวิธีง่าย ๆ เพื่อเริ่มขายของออนไลน์มาฝากกัน
1. เริ่มจากการหาสินค้าที่จะนำมาขาย
ไม่จำกัดเฉพาะสินค้าที่เป็นสิ่งของเท่านั้น แต่รวมถึงบริการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้าอีกด้วย ซึ่งการหาสินค้าหรือบริการนี้ จะเริ่มจากการสำรวจความถนัดและความชอบของตนเอง
- หากคุณเป็นคนมีฝีมือในการทำขนม ก็สามารถ ขายขนมผ่านทางออนไลน์ ได้
- หากคุณมีความสามารถในการซ่อมแซมหรือติดตั้งอะไรก็ตาม ก็สามารถตั้งร้านค้าออนไลน์เพื่อให้บริการด้านนั้น ๆ ได้
2. ตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์
การตั้งชื่อร้านที่ดี ควรตั้งให้ชื่อไม่ยาวมากจนเกินไป และควรเป็นชื่อที่สามารถสื่อถึงสินค้าหรือบริการของเราได้ในทันที ซึ่งโดยทั่วไปมักจะใช้ความยาวราว 2-4 พยางค์ ยกตัวอย่างเช่น
- ฝนเพ็ทช็อป
- เกษมดีดบ้าน
- Benzac perfume
ทั้งหมดสื่อชัดเจนว่าขายสินค้าหรือให้บริการอะไร ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง บริการปรับโครงสร้างตัวบ้านและสินค้าที่เป็นน้ำหอมหลากหลายยี่ห้อ
3. สำรวจช่องทางการขาย
เมื่อเรารู้ว่าจะขายอะไรและขายให้กับใคร ต่อมาเราก็สามารถเข้าไปสำรวจดูได้ว่ากลุ่มลูกค้าของเรามักจะใช้ช่องทางไหนในการเลือกซื้อสินค้า
ในกรณีที่เราจะขายสินค้ามือสอง ก็ต้องไปค้นหาว่าจะสามารถซื้อสินค้ามือสองผ่านทางออนไลน์ได้ที่ไหนบ้าง โดยทำตัวเป็นลูกค้าเสียเอง แล้วก็จะพบว่าช่องทางเว็บไซต์และ facebook คือช่องทางที่ผู้คนนิยมซื้อหาสินค้ามือสองกันมากที่สุด เป็นต้น
4. แผนการตลาดสำหรับการเปิดร้านใหม่
คงจะไม่ดีแน่ ถ้าแค่เปิดร้านแล้วขายด้วยราคาปกติ เนื่องจาก การขายของออนไลน์นั้นมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ลูกค้ามีตัวเลือกมาก ดังนั้นการขายของออนไลน์จึงควรมีโปรโมชั่นที่ดีและรู้จักปรับแผนการตลาดอยู่เสมอ เช่น
- การขายสินค้าคุณภาพดีราคาพิเศษในการฉลองเปิดร้านใหม่
- การสะสมแต้มสำหรับสมาชิก เพื่อใช้เป็นส่วนลดพิเศษในการซื้อครั้งต่อไป
- การแจกสินค้าขายดีฟรี ๆ เพื่อแลกกับยอดไลค์ยอดแชร์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น
สารพัดแผนการตลาดเหล่านี้ที่จะทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
5. เลือกวิธีการชำระเงินและวิธีการส่งสินค้าที่ง่ายต่อลูกค้า
การชำระเงินยิ่งง่าย การได้รับสินค้ายิ่งรวดเร็ว ก็จะยิ่งมัดใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการขายของออนไลน์ จึงควรเตรียม ช่องทางการชำระเงิน ไว้หลาย ๆ ช่องทาง เช่น
- การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
- โอนเงินผ่านพร้อมเพย์
- ชำระผ่านบัตรเครดิต
- Paypal
- Rabbit line pay
- True wallet
ส่วนการส่งสินค้าก็ควรมีตัวเลือกให้กับลูกค้าด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการสินค้าอย่างเร่งด่วน และลูกค้าที่ต้องการจ่ายค่าส่งในราคาย่อมเยาและสามารถรอสินค้าได้ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถือเป็นตัวช่วยในการตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
6. การส่งสินค้าแบบส่งพัสดุวันเดียวถึง
MAKESEND
- ผู้ให้บริการด้านการขนส่ง พัสดุในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
- ผลไม้
- อาหารสด
- อาหารทะเล
- อาหารปรุงสุก
- เครื่องดื่ม
- เบเกอรี่
นอกจากนั้นถ้าส่งตั้งแต่ 3 ชิ้นขึ้นไป ทางเจ้าหน้าที่จะเข้ารับพัสดุฟรีถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาออกมาส่งเอง พร้อมทั้งบริการเก็บเงินปลายทางให้กับผู้จัดส่ง และเมื่อรับเงินจากผู้รับแล้วทาง MAKESEND จะโอนเงินเข้าระบบร้านค้าทันที ทำให้ไม่ต้องรอเงินนานให้ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของร้าน
สำหรับการคิดค่าบริการของ MAKESEND จะคิดราคาตามขนาดของพัสดุเริ่มต้นที่ราคา 40 บาท รองรับน้ำหนักพัสดุได้สูงสุดถึง 25 กิโลกรัม ต่อการส่ง 1 ครั้ง
สรุป
การขายของออนไลน์ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป หากใส่ใจในรายละเอียดและหมั่นศึกษาเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะแผนการตลาดออนไลน์ , เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกี่ยวกับการชำระเงินและการขนส่งสินค้า เพราะทั้งหมดสำคัญต่อการผลักดันให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นที่รู้จักและมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง