การให้อาหารดิบสดสำหรับแมวและสุนัขที่เรียกว่าอาหารแบบ barf กำลังเป็นที่สนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
อาหารบาร์ฟประกอบด้วยเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ กระดูกและเครื่องใน และผักผลไม้นำมาผสมกันมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารธรรมชาติเป็นที่ยอมรับว่าบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงและอายุยืนยาว ไม่เสี่ยงปัญหาสุขภาพอย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคไตที่พบมากในแมวและสุนัขที่เลี้ยงในบ้านทั่วไป
การให้อาหารดิบแบบบาร์ฟจำเป็นต้องเข้าใจถึงวิธีการผสมอาหารให้มีสัดส่วนถูกต้อง ทั้งแมวและสุนัขต้องได้รับสารอาหารสำคัญครบถ้วนและมีความสมดุลสุขอนามัยเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องเอาใจใส่อย่างมากเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของแบคทีเรียและพยาธิในเนื้อสัตว์ดิบหากคุณสนใจกำลังจะเริ่มให้อาหารแบบบาร์ฟเป็นครั้งแรกก่อนอื่น แนะนำให้ลงทุนซื้อเครื่องบดเนื้อเพื่อบดละเอียดเนื้อสัตว์คล้ายกับอาหารสัตว์แบบเปียกเลือกแบบมือหมุนหรือไฟฟ้าก็ได้ แล้วแต่ความถนัดอุปกรณ์ในครัวส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้เพราะอาหารบาร์ฟเป็นอาหารแบบดิบไม่ผ่านการปรุงเครื่องมือที่ขาดไม่ได้คือตาชั่งช้อนและถ้วยสำหรับตวงวัดส่วนผสมให้มีสัดส่วนและน้ำหนักเหมาะสม
อาหารทุกมื้อไม่จำเป็นต้องมีอัตราส่วนที่แน่นอนเช่น
– เนื้อสัตว์ 60%-80%
– กระดูก 10%-15%
– เครื่องในโดยเฉพาะตับแนะนำให้ใส่ 5-10% เท่านั้น
– ผักผลไม้ 10%
ส่วนผสมในมื้ออาหารปรับเปลี่ยนได้ยืดหยุ่นตามความสะดวกไม่มีกระดูกให้ทุกมื้อหรือมีเนื้อดิบบดอย่างเดียวก็ได้หรือเพิ่มปริมาณผักผลไม้เป็น 15%-20% ต่อมื้อเนื่องจากสัตว์ล่าเนื้อในป่ามักจะกินเหยื่อตัวเล็กตัวน้อยที่กินพืชเป็นอาหารอยู่แล้วเราจะประเมินโภชนาการที่ดีในระยะยาวพยายามเลือกส่วนผสมที่หลากหลายเพื่อให้ได้รับสารอาหารเหมาะสมการให้อาหารแบบบาร์ฟมีข้อดีหลายอย่างแต่การเตรียมอาหารต้องมีความเข้าใจและใส่ใจรายละเอียดโดยเฉพาะเรื่องความสะอาดสุขอนามัยและปริมาณที่สมดุลกับสายพันธุ์ขนาดตัวและน้ำหนักรวมถึงโรคประจำตัวของสัตว์เลี้ยงเพื่อไม่ให้ป่วยและเจ็บไข้ได้
สูตรอาหาร barf เลือกมาแนะนำกัน ดังนี้
1.เนื้อไก่บดละเอียด เป็นเมนูเริ่มต้น
แมวและสุนัขที่ไม่เคยกินอาหารบาร์ฟมาก่อนแนะนำให้เริ่มต้นจากเนื้อไก่กินง่ายที่สุดหากกังวลเรื่องการให้สัตว์เลี้ยงแทะกระดูกคอไก่หรือโครงไก่แนะนำว่าให้กระดูกป่นแทนมีจำหน่ายในร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงและร้านค้าปลีกออนไลน์
ส่วนผสม
– เนื้อไก่ดิบเลาะหนังออก น่องหรือสะโพกติดเนื้อให้สัปดาห์ละครั้ง
– โครงไก่และปีก 1 ชิ้นกินทุกวัน
– ไข่ดิบ 1 ฟอง
– ผักผลไม้ เช่น มันเทศเลาะเปลือกต้ม หรือฟักทองต้มสุก
– น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
2.อาหารบาร์ฟสำหรับแมวและหมาเด็ก เริ่มให้ได้ตั้งแต่อายุ 45 วัน
การให้อาหารบาร์ฟสำหรับแมวและสุนัขเด็กช่วยกระตุ้นความอยากอาหารมากขึ้นอุดมด้วยวิตามินช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีกว่าอาหารสำเร็จรูปอื่นๆควรทำความเข้าใจและผสมอาหารตามสัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อให้ผลดีต่อสุขภาพลูกแมวและสุนัขชอบเคี้ยวให้คอไก่หรือปีกไก่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์หรือผู้ที่มีความรู้ด้านโภชนาการสัตว์เลี้ยงโดยตรง
ส่วนผสม
– เนื้ออกไก่และตับไก่
– ไข่แดง 1 ฟอง
– ฟักทองต้มสุก
– นมแพะ
– น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าว
3.เนื้อหมูหรือเนื้อปลา เสริมแคลเซียมสำหรับสัตว์เลี้ยงโตเต็มวัย
เนื้อหมูมีประโยชน์มากอุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามินโดยเฉพาะวิตามินอีแนะนำให้ผสมกับเนื้อปลาทูหรือปลาซาร์ดีนสดเพื่อปรับสมดุลไขมันและมีสารอาหารสำคัญเช่นโปรตีนแคลเซียมวิตามินบี3 และซีลีเนียมช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันปลาทูน่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
ส่วนผสม
– เนื้อหมูดิบไม่ติดมันบดละเอียดหรือหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ
– ตับหมูครึ่งขีด หรือเครื่องในไก่ครึ่งพวง ให้อาทิตย์ละครั้ง
– ปลาทูสด ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า
– น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวเล็กน้อยช่วยบำรุงขน
– ผักสดใบใหญ่ 3-4 ใบ
– ผลไม้เบอร์รี่รวม
– สาหร่ายหรือกระดูกป่น
– น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าว
สูตรอาหารแบบ barf เลือกมาแนะนำกัน ดังนี้
หั่นผักและผลไม้สับเป็นชิ้นเล็ก หรือบดละเอียด เก็บส่วนผสมไว้ในตู้เย็น เนื้อไก่และเครื่องในหั่นเป็นลูกเต๋าหรือบดละเอียด ใช้ตาชั่งวัดน้ำหนักส่วนผสมเหมาะกับน้ำหนักตัวสัตว์เลี้ยง แบ่งใส่ถ้วยเล็กแยกไว้พอเหมาะกับแต่ละมื้อ ส่วนโครงไก่ปีกไก่ให้ทั้งชิ้นไม่ต้องหั่น ผักผลไม้นานาชนิด เช่น มันเทศ ฟักทอง กะหล่ำปลี ผักโขม ผักกาดหอม ผักกาดขาว กวางตุ้ง แครอท ข้าวโพด ฯลฯ
สูตรอาหารบาร์ฟเติมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคลุกเคล้าไปด้วยได้ช่วยลดปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันตามสายพันธุ์อาจเสริมแคลเซียมวิตามินและสารอาหารบำรุงกระดูกสาหร่ายทะเลมีสารอาหารบำรุงผิวหนังและเส้นขนช่วยลดอาการระคายเคืองผิวหนังและอาการแพ้ได้เติมไข่ดิบเพิ่มวิตามินเพิ่มน้ำมันบำรุงได้จากเนื้อปลาทะเลที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 สังกะสีแมงกานีสแมกนีเซียมหรือผสมถั่วและเมล็ดพืชเช่นเมล็ดทานตะวันเมล็ดฟักทองเป็นต้นแนะนำให้บดอาหารสดใหม่และให้รับประทานทันทีเพื่อคงคุณค่าสารอาหารไว้แต่สามารถเตรียมส่วนผสมและจัดเก็บไว้ในช่องแช่แข็งสำหรับให้มื้ออาหารในภายหลังเพื่อความสะดวก
ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนไปให้อาหารดิบควรขอแนะนำจากสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและพาสัตว์เลี้ยงไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพสม่ำเสมอการเตรียมอาหารบาร์ฟที่ถูกต้องก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายชัดเจนช่วยควบคุมน้ำหนักตัวรูปร่างสมส่วนผิวหนังมีสุขภาพดีและเส้นขนแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย
นอกจากนี้ยังสามารถเตรียมอาหารดิบสดใหม่ทุกวันซึ่งอาจไม่สะดวกสบายนักแต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียคุณค่าสารอาหารจากการแช่แข็งเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วนำมาละลายในแต่ละวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
- https://www.makesend.asia/
- https://www.facebook.com/MakesendTH/
- https://www.makesend.asia/raw-meat-based-barf-delivery/
- https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/34766
- https://www.barfnista.com/lesson1-5/
- https://www.ryt9.com/s/prg/3224329
- https://www.purina.co.th/dog/supercoat/dog-tips/article/Dog-not-eating
- http://www.maxdogshop.com/article/3/เมนูอาหาร-บาร์ฟ-สำหรับน้องหมา
- https://www.dogsnaturallymagazine.com/raw-dog-food-recipes/#h-3-pork-fish-dog-food-recipe-with-calcium-supplement-adult