เว็บขายของออนไลน์ให้บริการเลือกซื้อสินค้าสะดวกง่ายดายผ่านทางอินเทอร์เน็ต ตอบโจทย์ธุรกิจขายของออนไลน์และผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกให้เปรียบเทียบสินค้า ราคาและความคุ้มค่าได้ง่ายขึ้น
เพราะสินค้าอย่างเดียวกันอาจมีราคาต่างกัน จำเป็นต้องใช้เวลาในการเลือกซื้อสินค้าอย่างฉลาด โดยเปรียบเทียบบริการของเว็บไซต์ขายของออนไลน์แต่เว็บไซต์ขายของจะมีอะไรบ้างนั้น พะโล้จะพาไปดูกัน
1. eBay
เว็บไซต์ประมูลการซื้อขายสินค้าระหว่างบุคคลอันดับหนึ่งในโลก จำนวนผู้ขายมากกว่า Amazon ทั้งสินค้าใหม่และสินค้าใช้แล้ว มีตลาดมากถึง 25 แห่ง ยอดขาย 2 ใน 3 มาจากตลาดนอกอเมริกา
ข้อดีของเว็บไซต์
- สมาชิกสามารถจำหน่ายสินค้าด้วยตัวเอง ทั้งเปิดราคาขายและตั้งราคาประมูล
- กำหนดผลกำไรและจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าด้วยตัวเอง
- ใช้เว็บ eBay เป็นช่องทางการขายไปทั่วโลกเท่านั้น
- หากเราไม่มีสต๊อกสินค้าอยู่ในมือ อาจจะใช้วิธีซื้อมาขายใน eBay ได้เช่นกัน
- มีสินค้าทั่วไป แต่ส่วนใหญ่เน้นไปที่การขายสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะหรือของสะสมที่ไม่สามารถลงขายในเว็บไซต์ Amazon
2. Amazon
เว็บไซต์ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เดิมขายหนังสือ ต่อมาจำหน่าย สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เน้นลูกค้าที่สร้างแบรนด์ใหม่และขายสินค้าไปทั่วโลก
เว็บมีตลาด 11 แห่งทั่วโลก ยอดขาย 1 ใน 3 มาจากตลาดนอกอเมริกา มีความแตกต่างกับ eBay ตรงที่ผู้ขายจะต้องจำหน่ายสินค้าให้กับเว็บไซต์ Amazon เมื่อลูกค้าเลือกสั่งซื้อ จะชำระเงินจ่ายให้กับเว็บไซต์ Amazon
ผู้ขายมี 2 ทางเลือก
- จัดส่งสินค้าเอง
- ส่งสินค้าไปให้โกดังของ Amazon เก็บสต๊อกและจัดส่งสินค้าและดูแลลูกค้าให้ ผู้ขายรอรับเงินส่วนแบ่งตามข้อตกลง การทำธุรกิจกับเว็บ Amazon ต้องมีความเป็นมืออาชีพมากพอ สินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
3. Shopee
เว็บอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ เริ่มกิจการช้ากว่า Lazada แต่บริการมีจุดดีและจุดด้อยที่เรียกว่าได้เปรียบเสียเปรียบกันไม่มาก
จุดเด่นของเว็บ
- มีสินค้าหลากหลายตั้งแต่ราคาหลักสิบถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป
- มีฟังก์ชั่นแชทเพื่อให้ผู้ซื้อแชทคุยส่วนตัวกับผู้ขายได้โดยตรงในแอปพลิเคชัน
- การชำระเงินเป็นระบบที่ให้ความสะดวกกับผู้บริโภค คือเงินส่งไปถึงมือ Shopee ก่อน เมื่อผู้ซื้อยืนยันได้รับสินค้าแล้ว จึงโอนเงินจากเข้าบัญชีผู้ขาย ทำให้ติดต่อกับเว็บไซต์เพื่อคืนสินค้าหรือขอเงินคืนง่าย
- ระบบขนส่งของใช้ 3 ช่องทางคือไปรษณีย์ไทย , Kerry และ DHL
- มีการจัดโปรโมชั่นเป็นประจำ เช่น ฟรีค่าจัดส่ง มีส่วนลด หรือสินค้าราคาพิเศษ ซึ่งลูกค้าพอใจในเรื่องราคาถูกพอสมควร
4. Lazada
เว็บขายของออนไลน์ที่มีสินค้าให้เลือกมาก ผู้ขายเป็นแบรนด์สินค้าโดยตรงหรือผู้ค้ารายย่อย ลูกค้าจึงเข้าไปเลือกจับจ่ายสินค้าได้อย่างอิสระ
จุดเด่นของลาซาด้าคือ
- ราคาถูก
- เพิ่มความสะดวกด้วยบริการเก็บเงินปลายทาง
- บริการส่งถึงบ้านรวดเร็ว เพราะมีช่องทางส่งสินค้าจำนวนมาก ได้แก่ ไปรษณีย์ไทย , Kerry, DHL, JC Logistics , LEL Express , TP Logistics และ Yusen Logistics
- มีค่าจัดส่งฟรีมากกว่าคู่แข่ง
- เสนอทางเลือกชำระเงินมากกว่า
เปรียบเทียบกับสินค้าที่จำหน่ายทั่วไปเห็นว่าราคาพอกัน แต่การเสนอโปรโมชั่นส่วนลดบ่อย ๆ ทำให้ซื้อสินค้าจาก Lazada ได้ถูกกว่า ก่อนซื้อสินค้าควรตรวจสอบราคาเปรียบเทียบทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด
5. Taobao
เว็บขายสินค้าออนไลน์ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ปัจจุบันเถาเป่าเข้ามาจำหน่ายผ่าน Lazada โดยสังเกตชื่อร้านค้าที่จำหน่ายว่าเป็นร้าน Taobao Collection
บริการสินค้าราคาถูก ไม่เน้นแบรนด์เนมมากนัก มีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งเสื้อผ้า , สินค้าแฟชั่น , ของใช้ในบ้าน , เครื่องใช้ไฟฟ้า , สินค้าไอที เป็นต้น
สามารถสั่งซื้อภาษาไทยได้สะดวก บริการชำระเงินปลายทาง เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อของจากจีนเป็นทุนเดิม ไม่ต้องกังวลความผิดพลาดเนื่องจากอ่านภาษาจีนไม่ถูกต้องอีกต่อไป
5. TEMU
Temu ให้บริการสินค้าราคาถูก ไม่เน้นแบรนด์เนมมากนัก และมีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น ของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไอที อีกทั้งยังรองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้การสั่งซื้อสะดวกสำหรับลูกค้าในประเทศไทย พร้อมบริการชำระเงินปลายทาง ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ไม่สะดวกชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์หรือบัตรเครดิต นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นลดราคาสูงถึง 90% และบริการคืนสินค้าได้ภายใน 90 วัน
Temu เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าจากจีน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการอ่านภาษาจีนผิดพลาด หรือความซับซ้อนในการสั่งซื้อจากต่างประเทศ
สรุป
เว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่นิยมอยู่นั้นมีด้วยกัน 5 เว็บไซต์ ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ล้วนแต่มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน หากเพื่อนจะซื้อของที่ต้องอาจจะดูจากจุดเด่นในเว็บไซต์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุดก็ได้
อ่านเพิ่มเติม