ส่งผลไม้ ควรเลือกใช้ขนส่งประเภทไหนดี

Palo (น้องพะโล้)

Palo (น้องพะโล้)

SHARES

ต้องยอมรับว่าด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้การส่งสินค้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมากพัฒนาขึ้นสามารถส่งของที่มีวันหมดอายุหรือเสื่อมสภาพไวอย่างผลไม้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม  เพราะปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการมากมายที่แข่งขันกันในตลาดขนส่ง ต่างคนต่างก็ปรับตัวเพื่อให้สินค้าถึงมือผู้รับปลายทางอย่างสมบูรณ์ที่สุด และต้องรวดเร็วอีกด้วย เรียกว่ายังไม่ทันข้ามวันผลไม้สด ๆ  ก็ไปถึงมือลูกค้าเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าบริษัทขนส่งสินค้าจะมีบริการแบบส่งผลไม้ทุกเจ้า เหตุผลเนื่องจากผลไม้เป็นสินค้าประเภทอาหารที่เสี่ยงได้รับความเสียหายในระหว่าง ขนส่ง สูง ดังนั้นผู้ให้บริการบางเจ้าจึงตัดปัญหาด้วยการไม่ให้บริการหรือไม่รับประกันหากเกิดความเสียหายกับสินค้า

🦁 อ่านอะไรก่อนดีนะ show

ทาง MAKESEND Express รองรับการจัดส่งทั้งแบบผลไม้เป็นผล ผลไม้บรรจุกล่อง ผลไม้บรรจุถุง ผลไม้ที่ผ่านการตัดแต่งเพื่อความสวยงาม ผลไม้ที่มีกลิ่นแรง และผลไม้ที่จำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิ เพราะฉะนั้นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ MAKESEND จึงเป็นกลุ่มผู้จำหน่ายผักและผลไม้สดที่ต้องการส่งสินค้าที่ยังคงสดใหม่ ถึงมือลูกค้าแบบสมบูรณ์ 100% ไม่มีความเสียหาย สำหรับจุดเด่นของ MAKESEND ที่ทำให้ลูกค้าไว้วางใจนั้นคือเรื่องระบบการจัดส่งสินค้าแบบวันเดียวถึงจุดหมายด้วยมาตรฐาน Food Grade Delivery ด้วยบริการส่งสินค้าทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง การันตีว่าส่งไว ส่งเร็ว การันตีว่าสินค้าผลไม้สดจะเดินทางถึงมือลูกค้าในเวลาไม่เกิน 2 ทุ่มของทุกวัน

  • ผลไม้ 
  • อาหารสด
  • อาหารทะเล
  • อาหารปรุงสุก
  • เครื่องดื่ม
  • เบเกอรี่
  • และพัสดุในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

นอกจากนั้นถ้าส่งตั้งแต่ 3 ชิ้นขึ้นไป ทางเจ้าหน้าที่จะเข้ารับพัสดุฟรีถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาออกมาส่งเอง พร้อมทั้งบริการเก็บเงินปลายทางให้กับผู้จัดส่ง และเมื่อรับเงินจากผู้รับแล้วทาง MAKESEND จะโอนเงินเข้าระบบร้านค้าทันที ทำให้ไม่ต้องรอเงินนานให้ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของร้าน

มาต่อกันด้วยผู้ให้บริการขนส่งอีกเจ้าที่ให้บริการส่งสินค้าประเภทอาหารสด , ผลไม้ที่เน้นให้บริการเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเช่นเดียวกัน สำหรับ SCG EXPRESS  ซึ่งผู้ให้บริการส่งสินค้ารายนี้มีบริการจัดส่งพัสดุ

  • แบบทั่วไป รองรับพัสดุที่มีปริมาตรผลรวมความกว้างความยาวความสูงไม่เกิน 250 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม
  • การส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าแช่เย็นและสินค้าแช่แข็ง รองรับพัสดุที่มีผลรวมความกว้างความยาวความสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม
  • การขนส่งพัสดุขนาดใหญ่ รองรับพัสดุน้ำหนักสูงสุด 50 กิโลกรัม ความยาวไม่เกิน 2 เมตร

ปิดท้ายกันด้วยไปรษณีย์ไทย ผู้ให้บริการด้านการขนส่งเจ้าเก่าที่อยู่กับคนไทยมาเป็นร้อยปี  ซึ่งขณะนี้ทางไปรษณีย์ไทยได้มีบริการส่งสินค้าทั้งแบบธรรมดา

  • ส่งแบบมีหลักฐาน
  • ส่งด่วนพิเศษ
  • ส่งของใหญ่
  • ส่งแผ่นพับใบปลิว
  • ส่งภายใต้การควบคุมอุณหภูมิ

ซึ่งในกรณีที่ต้องการ ส่งผลไม้ทางไปรษณีย์ไทยจะให้บริการแบบส่งด่วนพิเศษด้วยมาตรฐานเดียวกับการส่งแบบ EMS ใช้เวลาขนส่ง 1 – 2 วัน ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดใช้เวลาประมาณ 2 – 4 วัน โดยคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายตามน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม เริ่มต้นที่ 50 บาท รองรับพัสดุสูงสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม ราคาค่าส่งสูงสุด 220 บาท อีกทั้งยังมีบริการ ขนส่ง สินค้าที่ต้องแช่แข็งและแช่เย็น ทางไปรษณีย์ไทยเปิดบริการขนส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิ

จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการ ส่งผลไม้แต่ละเจ้ามีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าถามว่าควร ส่งผลไม้ที่ไหนดีคำตอบคือ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ส่งว่าต้องการให้ผลไม้ไปถึงมือผู้รับอย่างไร แต่หากเป็นการส่งภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในจำนวนหรือน้ำหนักไม่สูงมากนัก แนะนำให้เลือกผู้ให้บริการที่ส่งถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วและมีระบบดูแลสินค้าอย่างมีมาตรฐาน เพราะนอกจากจะมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยแล้ว ยังช่วยสร้างความประทับใจในตัวสินค้าได้อีกทางด้วย 

อ่านเพิ่มเติม :

ที่มาข้อมูล :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *