โลกธุรกิจยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง สินค้าคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ไม่เพียงพอเสียแล้ว ต้องแข่งขันกันด้วยรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ที่สวย สร้างสรรค์ เหมาะกับสินค้าแต่ละประเภท
การเลือกบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญ ต้องดูว่าเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบไหนมาแพ็คสินค้าจึงจะเหมาะสม เพราะนอกจากจะเพิ่มมูลค่าให้สินค้าแล้ว การจัดส่งยังต้องปลอดภัยถึงมือผู้รับอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนอีกด้วย
บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่อยู่ในรูปกล่อง มีหลายแบบและขนาดแตกต่างกัน หัวใจสำคัญไม่ใช่ความสวยหรือลวดลายถูกใจ แต่เน้นการบรรจุหีบห่อที่เหมาะสม
ซึ่งช่วยให้การจัดส่งของถึงที่หมายโดยปลอดภัย มาดูกันว่าบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ของแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร
วิธีการเลือกบรรจุภัณฑ์แพ็คสินค้าให้เหมาะกับสินค้าที่ต้องการส่ง
1. ดอกไม้สด
การส่งดอกไม้สดต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า รองด้วยกระดาษลูกฟูก ใช้หนังยางหรือเชือกผูกดอกไม้ไว้กับกล่อง
ถ้ามีแจกันด้วยให้ใช้วัสดุกันกระแทกห่อแจกัน ผูกเชือกยึดแจกันไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวในกล่องและใช้กระดาษลูกฟูกกั้นแยกแจกันกับดอกไม้ ใช้กระดาษห่อดอกไม้กันกระแทกระหว่างขนส่ง
2. ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่
ขนมเค้ก คุกกี้ พาย ขนมปัง หรือขนมขบเคี้ยวที่แตกหักได้ นิยมบรรจุขวดโหลพลาสติกใสดูสวยงาม ใส่ในกล่องกระดาษบรรจุแผ่นกันกระแทก เป็นของขวัญของฝากเหมาะกับผู้รับทุกเพศวัย
ขนมเหล่านี้บรรจุถุงพลาสติกได้ แต่การใส่ขวดพลาสติกมีประโยชน์มาก เช่น
- ช่วยเก็บไว้ได้นานขึ้น
- ป้องกันอากาศ เชื้อจุลินทรีย์ได้
- ไม่แตกหักในระหว่างการขนส่ง
ส่วนขวดแก้วดูสวยหรูกว่าแต่ไม่แนะนำ เพราะเกิดความเสียหายได้ง่าย การขนส่งต้องระมัดระวังมาก ขวดแก้วราคาแพงและยังมีน้ำหนักมาก ทำให้สิ้นเปลืองค่าขนส่งอีกด้วย แผ่นรองกระแทกหรือบับเบิ้ลเติมช่องว่างใช้ได้ในทุกกรณี ไม่ว่าจะใส่ซองป้องกันถุงขนมแตกหักหรือห่อของไว้ในกล่องพัสดุ
3. น้ำผลไม้
น้ำผลไม้เสื่อมคุณภาพและบูดเสียได้เร็ว ยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์โฮมเมดที่ไม่ได้ใส่สารยืดอายุการเก็บรักษา ต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันจุลินทรีย์และอากาศซึมผ่านได้ดี
นิยมใส่ขวดแก้วที่มีปฏิกิริยากับน้ำผลไม้น้อยที่สุด หรือขวดพลาสติกที่มีน้ำหนักเบาช่วยให้ขนส่งง่ายและสะดวก นำมาบรรจุในกล่องกระดาษที่แข็งแรงอีกชั้นหนึ่ง แผ่นรองกระแทกหรือบับเบิ้ลเป็นอุปกรณ์ตัวช่วยป้องกันการเขย่าหรือกระแทกไปมา
ทางที่ดีควรใช้บริการส่งสินค้าแช่เย็นและควบคุมอุณหภูมิสำหรับของที่เน่าเสียง่าย
4. คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของที่มีน้ำหนักมาก
อยากส่งของใช้ราคาแพงก็กังวลเรื่องความปลอดภัย สิ่งที่ต้องใส่ใจอย่างมากคือการเลือกกล่องบรรจุภัณฑ์ของบริการจัดส่งพัสดุโดยตรง
ซึ่งออกแบบตามมาตรฐาน มั่นใจได้ทั้งเรื่องขนาดและความแข็งแรง การจัดส่งของที่น้ำหนักมาก จะต้องใช้กล่อง 2 ชั้น โดยวางกล่องเล็กข้างในกล่องชั้นนอก
ถ้าพัสดุบอบบางและไม่ทนต่อการกระแทก ควรใช้กล่องที่มีวัสดุกันกระแทกชนิดหนา อัดด้วยโฟม หรือใช้บับเบิ้ลห่อไว้หนาอย่างน้อย 3-4 นิ้ว แล้วใส่บับเบิ้ลเติมช่องว่างให้เต็มจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ปิดผนึกกล่องติดเทปบนรอยต่อทั้งด้านบนและด้านล่าง
กล่องชั้นนอกควรมีมิติใหญ่กว่ากล่องด้านในอย่างน้อย 6 นิ้ว เพื่อให้มีช่องว่างระหว่างกล่อง 2 กล่อง ด้านนอก 3 นิ้วเพื่อใส่เม็ดโฟมหรือแผ่นโฟมเข้ามุมเพื่อกันกระแทก
5. อาหารแช่แข็ง
การบรรจุอาหารแช่แข็งอย่างเหมาะสมจะช่วยให้อาหารสามารถเก็บรักษาได้นานขึ้นและยังช่วยให้สามารถขนส่งได้อย่างปลอดภัย สามารถสรุปได้เป็นขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ :
- ตรวจสอบว่าอาหารมีความสดใหม่และไม่มีอาการเน่าเปื่อย
- ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับอาหารแช่แข็ง เช่น ถุงฟอยล์หรือกล่องอะคริลิค
- นำอาหารเข้าไปในบรรจุภัณฑ์ โดยใช้เทคนิคการกรอกลมเพื่อลดปริมาณอากาศในบรรจุภัณฑ์
- ปิดบรรจุภัณฑ์ให้สนิทและแน่นพอดี
- แนบป้ายชื่อสินค้าและวันหมดอายุของอาหารบนบรรจุภัณฑ์
- จัดเก็บอาหารในตู้แช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำสุดและปลอดภัย
สรุป
การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสินค้าจะช่วยรักษาคุณภาพ ใช้บรรจุสินค้าหรือสิ่งของได้ง่ายและง่ายต่อการจัดส่งอีกด้วย นอกจากนั้นยังสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้แบรนด์ทั้งเรื่องมาตรฐานและความน่าเชื่อถือ ทำให้ลูกค้าประทับใจและบอกต่อกันได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม