ในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ ใครๆ ก็อยากให้ร้านหรือธุรกิจของตัวเอง “มีตัวตนบนโลกอินเทอร์เน็ต” กันทั้งนั้น เพราะแค่มี เว็บไซต์ของตัวเอง ก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ แถมยังเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มคนอื่นทั้งหมด
หลายคนอาจคิดว่าการสร้างเว็บขายของออนไลน์ต้องมีความรู้เรื่องโค้ด ต้องจ้างโปรแกรมเมอร์ หรือเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่น แต่ความจริงคือ “คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ฟรีได้เอง!” ไม่ว่าจะขายเสื้อ ขายเบเกอรี่ หรือให้บริการแบบไหน ก็สามารถมีเว็บไซต์หน้าตาดีๆ ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงโดยมีขนส่งที่น่าเชื่อถือคือ makesend ขนส่ง
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับเหตุผลที่คุณควรมีเว็บไซต์ โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ใช้งานง่าย วิธีเลือกให้เหมาะกับธุรกิจ และข้อควรระวังของการใช้แพลตฟอร์มฟรีให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ทำไมผู้ประกอบการควรมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
แม้จะมี Facebook, LINE, TikTok หรือแพลตฟอร์มอื่นให้ขายของได้ แต่ “เว็บไซต์” ก็ยังจำเป็น โดยเฉพาะถ้าคุณอยากสร้างแบรนด์ในระยะยาว
เหตุผลที่ควรมีเว็บไซต์
✅ สร้างความน่าเชื่อถือ: ลูกค้าจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
✅ ควบคุมทุกอย่างได้เอง: ตั้งแต่ดีไซน์ หน้าเพจ การนำเสนอสินค้า ไปจนถึงระบบหลังร้าน
✅ ไม่ต้องกลัวระบบล่ม: เวลาแพลตฟอร์มโซเชียลล่ม เว็บของคุณก็ยังอยู่
✅ รองรับ SEO และการค้นหา: ลูกค้าสามารถเจอร้านคุณผ่าน Google ได้ง่ายขึ้น
✅ เก็บข้อมูลลูกค้าได้: เช่น สมัครสมาชิก, กรอกแบบฟอร์มติดต่อ หรือสมัครรับข่าวสาร
โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ใช้งานง่ายและนิยม
นี่คือ 5 เครื่องมือ สร้างเว็บไซต์ฟรี ที่เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือโปรก็ใช้งานได้ง่าย
1. Wix

✅ เหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานการทำเว็บเลย
✅ มี Template ให้เลือกหลายแบบ สวยและดูมืออาชีพ
✅ ใช้ระบบ Drag & Drop จัดหน้าได้ง่าย
⚠️ ข้อจำกัด: โฆษณาของ Wix จะโชว์อยู่บนเว็บ (ถ้าไม่อัปเกรด)
2. WordPress.com

✅ เหมาะกับคนที่อยากได้เว็บแบบบล็อกหรือบทความเยอะๆ
✅ มีปลั๊กอินให้เลือกมากมาย (ถ้าอัปเกรดเป็นแบบเสียเงินจะยืดหยุ่นกว่า)
✅ SEO ดีมาก
⚠️ ข้อจำกัด: ควบคุมดีไซน์ได้ไม่เต็มที่ในแผนฟรี
3. Google Sites

✅ ใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับทำเว็บนำเสนอ หรือเว็บไซต์ชั่วคราว
✅ เชื่อมต่อกับ Google Workspace ได้ดี
⚠️ ข้อจำกัด: ดีไซน์จำกัด ไม่เหมาะกับร้านค้าที่ต้องการระบบอีคอมเมิร์ซ
4. Shopify (ทดลองฟรี 3 วัน)

✅ เหมาะกับร้านค้าออนไลน์โดยเฉพาะ
✅ ระบบจัดการสินค้าดีมาก มีระบบตะกร้า และชำระเงินครบ
⚠️ ข้อจำกัด: ฟรีแค่ 3 วัน หลังจากนั้นมีค่าใช้จ่ายรายเดือน
5. Canva (Website builder)

✅ สำหรับคนที่อยากได้เว็บแบบหน้าเดียว (Landing Page)
✅ สร้างง่ายเหมือนทำโปสเตอร์
✅ เหมาะกับพวกพอร์ตร้าน, เมนูสินค้า, แนะนำตัว
⚠️ ข้อจำกัด: ใช้ทำเว็บแบบหน้าเดียวเท่านั้น
วิธีเลือกโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรี ลองถามตัวเองก่อนว่า…
1. ธุรกิจของคุณขายอะไร?
- ถ้าขายของออนไลน์แบบจริงจัง → Shopify, Wix
- ถ้าให้บริการ/เป็นฟรีแลนซ์ → WordPress, Canva
- ถ้าแค่ต้องการหน้าแนะนำตัวธุรกิจ → Google Sites ก็พอ
2. คุณมีเวลาในการดูแลเว็บไซต์แค่ไหน?
- ถ้าอยากได้แบบจบในวันเดียว → Canva, Google Sites
- ถ้าอยากปรับแต่งเรื่อยๆ → Wix, WordPress
3. คุณอยากให้เว็บดูมืออาชีพแค่ไหน?
- ถ้าแค่เริ่มต้น → เริ่มจากแพลตฟอร์มฟรีไปก่อน แล้วค่อยอัปเกรด
- ถ้าอยากให้เว็บขายของได้จริงๆ มีระบบตะกร้า/เช็คเอาท์ → Shopify หรือ Wix
ข้อจำกัดที่ควรระวังของเว็บไซต์ฟรี
แม้ว่าการ สร้างเว็บไซต์ฟรี จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเริ่มต้น แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรรู้ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ผิดหวังภายหลัง
❗️ โฆษณาจากแพลตฟอร์ม
เว็บไซต์ฟรีหลายเจ้าจะแสดงโฆษณาหรือแปะชื่อแบรนด์ของเขาไว้ เช่น “Powered by Wix” ซึ่งอาจทำให้เว็บของคุณดูไม่มืออาชีพเท่าไร
❗️ พื้นที่เก็บข้อมูลจำกัด
ถ้าคุณต้องการลงรูปหรือวิดีโอเยอะๆ อาจจะต้องอัปเกรดเป็นแผนเสียเงินในอนาคต
❗️ ไม่มีชื่อโดเมนเป็นของตัวเอง
เว็บฟรีจะขึ้นเป็นชื่อประมาณนี้: yourname.wixsite.com/shop ซึ่งดูไม่เป็นแบรนด์เท่าไหร่ การซื้อโดเมนชื่อร้านจะดูดีกว่า
❗️ SEO อาจสู้เว็บที่เสียเงินไม่ได้
ถ้าคุณจริงจังกับการทำให้เว็บติดหน้าแรก Google แนะนำให้เลือกแพลตฟอร์มที่รองรับ SEO ได้ดี เช่น WordPress
การสร้างเว็บไซต์ฟรี ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะขายของออนไลน์ เปิดร้านเล็กๆ หรือเป็นผู้ให้บริการ คุณก็สามารถมีเว็บไซต์ของตัวเองได้โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ
แค่เลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ และวางแผนการใช้งานให้ดีในระยะยาว เว็บไซต์ฟรีก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในการเติบโตของแบรนด์คุณได้เช่นกัน
ลองเริ่มต้นวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าการมีเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป! 🚀💻🌐