รวมบริษัทส่งของต่างประเทศ 2025 เปรียบเทียบราคา และ บริการ

รวมบริษัทส่งของต่างประเทศ 2025 เปรียบเทียบราคา และ บริการ
Palo (น้องพะโล้)
Palo (น้องพะโล้)
รวมบริษัทส่งของต่างประเทศ

SHARES

ในยุคที่การค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การส่งสินค้าจากไทยไปยังต่างประเทศกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป การเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 บริษัทขนส่งต่างประเทศยอดนิยมในประเทศไทย พร้อมรายละเอียดบริการ ราคาเริ่มต้น และจุดเด่นของแต่ละบริษัท

10 บริษัทส่งของต่างประเทศยอดนิยมในประเทศไทย

1. DHL Express

DHL เป็นบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง ให้บริการขนส่งด่วนแบบ Door-to-Door ครอบคลุมกว่า 220 ประเทศทั่วโลก 

DHL
ที่มา : https://cdn.marketingoops.com/wp-content/uploads/2019/09/DHL-Express_06-768×512.jpg

ราคาเริ่มต้น

  • ประมาณ 1,200 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม​

จุดเด่น

  • บริการรวดเร็ว ส่งถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ​มีระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์​
  • บริการเคลียร์สินค้าผ่านด่านศุลกากร​

2. FedEx

FedEx เป็นบริษัทขนส่งระดับโลก ให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารระหว่างประเทศด้วยความรวดเร็วและเชื่อถือได้​

FedEx
ที่มา : https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2025/02/FedEx-EEC.jpg

ราคาเริ่มต้น

  • ประมาณ 1,100 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม

จุดเด่น

  • บริการจัดส่งด่วนภายใน 1-3 วันทำการ​
  • มีบริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน​
  • ระบบติดตามพัสดุออนไลน์​

3. UPS

UPS เป็นอีกหนึ่งบริษัทขนส่งชั้นนำระดับโลก ให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารระหว่างประเทศด้วยมาตรฐานสูง​

ที่มา : https://about.ups.com/content/dam/upsstories/images/our-stories/innovation-driven/ups-recognized-as-one-of-2023s-most-innovative-companies/Quad1440x752.jpg

ราคาเริ่มต้น

  • ประมาณ 1,150 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม​

จุดเด่น

  • บริการจัดส่งด่วนภายใน 2-5 วันทำการ​
  • มีบริการรับพัสดุถึงที่​
  • ระบบติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์

4. CJ Logistics

CJ Logistics เป็นบริษัทขนส่งสัญชาติเกาหลี ให้บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศในราคาประหยัด เน้นบริการ D

CJ Logistics
ที่มา : https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2019/11/CJ-Logistics-Smart-Hub-Bangna-2-1024×683.jpg

จุดเด่น

  • ราคาประหยัด​
  • บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน​
  • มีบริการเก็บเงินปลายทาง​

5. FBA Easy

FBA Easy เป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ เน้นการส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon (FBA) ​

FBA Easy
ที่มา : https://fbaeasy.com/cdn/shop/files/01-01_1.webp?v=1722966889

ราคาเริ่มต้น

  • ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า​

จุดเด่น:

  • เชี่ยวชาญในการส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon​
  • มีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการส่งออก​
  • บริการครบวงจรตั้งแต่รับสินค้า แพ็คสินค้า และจัดส่ง

6. ShipAny

ShipAny เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศในราคาถูก มีบริการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางเรือ ทางอากาศ และทางบก 

ShipAny
ที่มา : https://i.ytimg.com/vi/ngVYhYfEnyk/maxresdefault.jpg

ราคาเริ่มต้น

  • ขึ้นอยู่กับประเภทการขนส่งและปลายทาง​

จุดเด่น

  • มีบริการขนส่งหลากหลายรูปแบบ​
  • ระบบติดตามสินค้าที่ทันสมัย​
  • เครือข่ายการขนส่งครอบคลุมทั่วโลก​

7. Sabuy Express

Sabuy Express ให้บริการส่งของไปต่างประเทศในราคาประหยัด ผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ เช่น DHL, FedEx, UPS ​

Sabuy Express
ที่มา : https://sabuyexpress.com/wp-content/uploads/2023/09/bkk.webp

ราคาเริ่มต้น

  • ประมาณ 800 บาท สำหรับพัสดุน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม​

จุดเด่น

  • บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน
  • มีบริการแพ็คสินค้า​

8. Bullet International Logistics

Bullet International Logistics (Thailand) Co., Ltd. เป็นบริษัทที่ให้บริการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ และบริการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก ทั้งทางอากาศและทางทะเล

Bullet International Logistics
ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=1081313900689126&set=pcb.1081314770689039

ราคาเริ่มต้น

  • ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า​

จุดเด่น

  • บริการขนส่งสินค้าทั้งทางอากาศและทางทะเล​
  • เครือข่ายการขนส่งครอบคลุมทั่วโลก​
  • บริการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากเครือข่ายทั่วทุกมุมโลก​

9. SME SHIPPING

SME SHIPPING เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขนส่งเอกสารและพัสดุไปยังต่างประเทศทั่วโลก เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดย่อม และลูกค้ารายย่อยทั่วไปผ่านบริษัทขนส่งชั้นนำ

SME SHIPPING
ที่มา : https://smeshipping.com/wp-content/uploads/2023/04/02.jpeg

ราคาเริ่มต้น

  • ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า​

จุดเด่น:

  • บริการ Door-to-Door​
  • มีบริการแพ็คกิ้ง (Packing)​
  • ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศ​

10. FastShip

FastShip เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับโลจิสติกส์ชั้นนำ เช่น FedEx, Aramex, UPS โดยมีจุดเด่นคือราคาถูกกว่าส่งเอง และมีบริการเข้ารับพัสดุถึงบ้าน 

FastShip
ที่มา : https://www.thaipr.net/wp-content/uploads/2021/11/1111-93c7a4a5.jpg.webp

ราคาเริ่มต้น

  • ขึ้นอยู่กับปลายทางและประเภทสินค้า​

จุดเด่น:

  • ค่าขนส่งที่ถูกกว่าส่งเอง​
  • บริการรับพัสดุถึงหน้าบ้าน​
  • มีหลากหลายบริการให้เลือก​

วิธีเลือกบริษัทส่งของไปต่างประเทศที่เหมาะกับคุณ

การเลือกบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การส่งสินค้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและคุ้มค่า นี่คือปัจจัยที่ควรพิจารณา:

  • ความน่าเชื่อถือ: เลือกบริษัทที่มีประสบการณ์และชื่อเสียงที่ดี เพื่อมั่นใจว่าสินค้าจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัย​
  • ราคา: เปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัท เพื่อหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด แต่ควรระวังราคาที่ถูกเกินไป อาจมีบริการที่ไม่ครบถ้วน​
  • บริการเสริม: ตรวจสอบว่าบริษัทมีบริการเสริมที่ตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ เช่น บริการแพ็คกิ้ง, ประกันภัย, หรือบริการเคลียร์สินค้าผ่านด่านศุลกากร​
  • ระยะเวลาจัดส่ง: หากสินค้าของคุณต้องการความรวดเร็ว ควรเลือกบริษัทที่มีบริการจัดส่งด่วนและสามารถระบุระยะเวลาจัดส่งที่แน่นอนได้​
  • การติดตามพัสดุ: เลือกบริษัทที่มีระบบติดตามพัสดุออนไลน์ เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าตลอดเวลา​

สิ่งที่ควรรู้ก่อนส่งของต่างประเทศ

1. ศึกษากฎระเบียบของประเทศปลายทาง

แต่ละประเทศมีกฎที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า เช่น

  • ของบางประเภทห้ามส่งเข้า เช่น อาหารสด, สารเคมี, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ต้องมีเอกสารประกอบ เช่น ใบอนุญาตนำเข้า, เอกสารแสดงแหล่งผลิต

2. เตรียมเอกสารให้พร้อม

  • ใบแสดงรายการสินค้า (Commercial Invoice)
  • ใบตราส่งพัสดุ (Air Waybill / Shipping Label)
  • สำเนาบัตรประชาชน / หนังสือเดินทาง (บางกรณี)
  • ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (ถ้ามี)

3. เลือกบริษัทขนส่งที่เชื่อถือได้

บริษัทขนส่งที่ให้บริการระหว่างประเทศ เช่น DHL, FedEx, UPS, EMS หรือผู้ให้บริการแบบ Aggregator อย่าง FastShip, SME Shipping ฯลฯ ควรเลือกที่:

  • มีระบบติดตามพัสดุ
  • มีบริการเคลียร์ภาษีและศุลกากร
  • มีบริการประกันสินค้าในกรณีเสียหาย/สูญหาย

4. รู้จักระบบภาษีและศุลกากร

  • สินค้าบางอย่างอาจถูกเก็บภาษีนำเข้าที่ปลายทาง
  • ลูกค้าปลายทางอาจต้องเป็นผู้ชำระภาษี หรือเลือกบริการ DDP (Delivered Duty Paid) เพื่อผู้ส่งเป็นคนรับภาระภาษีทั้งหมด

5. บรรจุภัณฑ์ต้องแข็งแรงและมาตรฐาน

เพื่อให้สินค้ารอดพ้นจากการกระแทกระหว่างทาง:

  • ใช้กล่องสองชั้นหรือวัสดุกันกระแทก (เช่น บับเบิ้ล, โฟม)
  • ปิดผนึกด้วยเทปเหนียวแน่น
  • แปะป้าย “แตกง่าย” หรือ “ระวังของเสียหาย” (Fragile) หากจำเป็น

6. คำนวณค่าส่งให้คุ้ม

  • บริษัทขนส่งจะคิดราคาจาก น้ำหนักจริง หรือ น้ำหนักปริมาตร แล้วเลือกค่าที่สูงกว่า
  • อย่าลืมเปรียบเทียบหลายเจ้า และเช็กโปรโมชั่นบ่อยๆ

7. ทำประกันพัสดุ

  • ถ้าสินค้ามีมูลค่าสูง ควรซื้อประกันเพิ่มเติม เพื่อความอุ่นใจหากของเสียหายหรือหายระหว่างทาง

8. รู้ระยะเวลาในการจัดส่ง

  • ส่งแบบด่วน (Express) จะใช้เวลา 1-5 วัน
  • ส่งแบบธรรมดา (Economy / Standard) อาจใช้เวลา 7-14 วันหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง

9. ตรวจสอบวันหยุดประเทศปลายทาง

  • วันหยุดราชการหรือวันหยุดพิเศษของประเทศปลายทาง อาจส่งผลต่อระยะเวลาการจัดส่ง

10. แจ้งลูกค้าให้ชัดเจน

หากคุณเป็นร้านค้าออนไลน์ ควรแจ้ง:

  • ค่าขนส่ง
  • ระยะเวลาจัดส่งโดยประมาณ
  • ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาษีนำเข้า หรือความล่าช้าจากศุลกากร

การเลือกบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การส่งสินค้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และคุ้มค่า ควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ราคา บริการเสริม ระยะเวลาจัดส่ง และระบบติดตามพัสดุ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าของคุณจะถึงปลายทางตามที่ต้องการ

ส่งของต่างประเทศ
ส่งของต่างประเทศ- ส่งของต่างประเทศ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกบริษัทขนส่งระหว่างประเทศที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ